คุณอยู่ที่นี่
สมรรถภาพการได้ยิน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำงาน ได้
กำหนดระดับเสียงต่อเนื่องที่ยอมให้สัมผัสได้ ดังนี้
- ไม่เกินวันละ 7 ชั่วโมง ต้องมีระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับติดต่อกันไม่เกิน 91 db
- เกินกว่าวันละ 7 ชั่วโมง ต้องมีระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับติดต่อกันไม่เกิน 8 ชั่วโมง และ ไม่เกิน 90 db
- เกินวันละ 8 ชั่วโมง ต้องมีระดับเสียงที่ลูกจ้างได้รับติดต่อกันไม่เกิน 80 db
การสูญเสียการได้ยิน ที่เกิดจากเสียงดังนั้นมี 2 ชนิดได้แก่
-
การสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราว (Temporary hearing loss)
ซึ่งมักเกิดในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกของการทำงาน และพบว่ากลับคืนสู่สภาพเดิมได้ใน 14-16 ชั่วโมง ภายหลังหยุดการสัมผัสเสียง
การสูญเสียแบบถาวร (Permanent hearing loss)
เกิดขึ้นเมื่อหูได้ยินเสียงที่มีความเข้มสูงมากเป็นประจำ เป็นระยะเวลาหลายปี เกิดจากการทำลาย Cell รับเสียง ซึ่งจะไม่มีโอกาสกลับคืนสู่สภาพปกติได้
การตรวจสมรรถภาพการได้ยินเป็นระยะ ๆ ในกลุ่มเสี่ยงโดยตรวจหา Air conduction hearing threshold โดยเครื่อง audiometer เป็นส่วนหนึ่งในการเฝ้าระวังโรคประสาทหูเสื่อมจากเสียง ซึ่งต้องคำนึงถึงความถูกต้อง แม่นยำ ของการตรวจ โดยเครื่องต้องได้รับการ calibrate อย่างน้อยปีละครั้ง สถานที่ที่ใช้เป็นห้องตรวจปราศจากเสียงรบกวน
วัตถุประสงค์การตรวจการได้ยินในโรงงาน
- เป็นข้อมูลพื้นฐานในคนงานเข้าใหม่
- เป็นการค้นหาปัญหาการสูญเสียการได้ยิน ในระยะเริ่มต้น เพื่อจะได้รับการปรับปรังแก้ไข สภาพแวดล้อมทางเสียง
-
และการใช้เครื่องป้องกัน เสียง(ear plug ,ear muff) อย่างเคร่งครัดต่อไป
เพื่อติดตามผลระบบควบคุมป้องกันด้านสิ่งแวดล้อม
การแปลผลสมรรถภาพการได้ยิน
มีหลายเกณฑ์ตามลักษณะการนำไปใช้ ดังนี้
แบบที่ 1 การทดสอบสมรรถภาพการได้ยินก่อนเข้างาน(Pre Placement) เพื่อเป็น Baseline ใช้เปรียบเทียบกับปีต่อ ๆไป โดยจะคิดค่าเฉลี่ยการได้ยิน(db) ที่ความถี่ 500,1000,2000, และ 3000 Hertz (AV.SHL.) และที่ความถี่ 4000 และ 6000 Hertz (AV.NIHL.) ถ้ามีค่าเกิน 30- 45 db ไม่ควรรับเข้าทำงานในแผนกที่ต้องสัมผัสเสียงดัง
แบบที่ 2 การทดสอบสมรรถภาพ การได้ยินประจำปี (Periodic Exam) เพื่อเปรียบเทียบว่ามีความเสื่อมของการได้ยินหรือไม่ โดยจะคิดค่าเฉลี่ยการได้ยิน(db) ที่มีค่าความถี่ 2000,3000 และ 4000 Hertz (AV.STS.) ถ้าเสื่อมลงจากเดิมเกิน 10 (db) ถือว่าผิดปกติ ควรได้รับการตรวจซ้ำภายใน 1 –3 เดือน
แบบที่ 3 การทดสอบสมรรถภาพการได้ยินแบบทั่วไป จะแบ่งกลุ่มผิดปกติ ทางการได้ยิน ตามกลุ่มความถี่ดังนี้
-
กลุ่มที่ 1 การได้ยินปกติของหูทั้งสองข้าง
กลุ่มที่ 2 (2.1,2.2 และ 2.3 ) การได้ยินลดลงเฉพาะในช่วงความถี่สูง(3,000-8,000 Hz)
แต่การได้ยินความถี่เสียงพูดคุย (500-2,000 Hz) ปกติจึงไม่มีปัญหาการรับฟังเสียง
พูดคุยในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงควรใช้
อุปกรณ์ลดเสียง(Ear plug / Ear muff) อย่างเคร่งครัดเพราะถ้าหูเสื่อมถาวรแล้วไม่
สามารถรักษาให้หายได้กลุ่มที่ 3 การได้ยินในช่วงความถี่สูงรวมทั้งค่าเฉลี่ยการได้ยิน ในช่วงความถี่เสียงพูดคุยก็ลดลงด้วย
อาจทำให้การรับฟังเสียงพูดคุยผิดปกติไป จึงควรใช้อุปกรณ์ลดเสียงอย่างเคร่งครัดกลุ่มที่ 4 การได้ยินลดลงในช่วงความถี่สูงพูดคุยหรือทุกช่วงความถี่ของหูข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสอง
ข้างเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกี่ยวกับเยื่อแก้วหู หูชั้นกลางอักเสบ หูอื้อหรือจากสาเหตุ
อื่นๆ ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะอาจสามารถรักษา
หายได้้
หมายเหตุ : ความผิดปกติกลุ่ม 2 และ 3 เกิดจากการสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน โดยกลุ่ม 3 มีความรุนแรงมากขึ้นกว่ากลุ่ม 2